เรียนไม่เก่ง จบไปเกรดไม่ดี ก็ไม่ต่างจาก แม่ค้าขายอาหารตามสั่
ร้านอาหารตามสั่ง กำไรจะประมาณ 1 เท่าตัว
เข่น
ข้าวไข่เจียวหมูสับ ราคา 30 บาท ก็จะกำไรประมาณ 15 บาท
ดูเหมือนจะเยอะ นะ
แต่ยังไม่รวม ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ลองคำนวณดู
ถ้าขายได้วันละ 100 จาน กำไร 1,500 บาท
1 เดือน ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ก็กำไร 45,000 บาท
หักค่าเช่า 5000 บาท
คนงาน 2 คน วันละ 200 บาท (คงหาได้อยู่นะราคานี้) รวม 6000 บาท
ค่าน้ำ ค่าไฟ รวม ๆ คงสัก หมื่นห้า ก็เหลือ 30,000 บาท
ย้อนกลับไปที่ตัวเลขวันละ 100 จาน
เยอะนะ ผัดจนมือหงิก เลย (จริง ๆ) ประสาทแขนหมดความรู้สึก ประสาทลิ้น ชา ตายด้าน ไปเลย
ทำกัน สองคน สามีภรรยา ก็ได้คนละ หมื่นห้า
แล้วมีลูกอีกสองคน ค่าเทอม ก็เบิกไม่ได้
ลูกเจ็บป่วย ก็ใช้สวิสดิการ 30 บาทรักษาทุกโรค (ขอใช้ชื่อนี้ก่อน เข้าใจง่ายดี)
หากต้องการยาดี ๆ ที่ไม่อยู่ในรายชื่อ ก็เสียเงินเพิ่ม
คุณลูกดังนั่น ห้ามป่วย
มีรถยนต์ 1 คัน ค่าน้ำมันก็เดือนละ สีพันบาท (แบบว่า แทบจะไม่ได้ไปไหนเลย)
แล้ว ค่ากิน ค่าเที่ยวละ
ทีวีใหม่ มือถือใหม่ เสื้อผ้าใหม่ละ
ลูกอยากได้โน้น นี่ นั่น ภรรยาก็อยากได้ ตัวเองก็อยากได้ โน่นนี่นั่นละ
แล้ว วันหนึ่ง เจ็บป่วยขึ้นมาละ ป่วย 1 วัน เงินเข้าก็ ขาดไป 1 วัน
อดทนไม่ขาด แรก ๆ ก็หายป่วยเอง
นาน ๆ ไป ไม่หาย ซื้อยากินเอง กลายเป็นป่วยเรื้อรัง
แต่ห้ามเจ็บ ห้ามไข้ ห้ามล้ม เด็ดขาด
ไม่อยากนึกแล้ว ชุลมุน ชุลเก น่าดู
(เดือนต่อไป จะขึ้นค่าเช่าอีก ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุอีก etc..)
แต่ถ้าฝีมือทำอาหาร ระดับ ห้าดาว ก็กลายเป็น พ่อครัวอยู่ภัตตาคารดัง โรงแรมดัง
ทำงานสักสิบปี สั่งสมประสบการณ์ ออกมาเปิดร้านอาหาร (ไม่ใช่ตามสั่ง) เอง
อาจมี ลาดหน้าอร่อย ๆ ถ้าขายที่ร้านตามสั่งก็ 30 บาท แต่ด้วยฝีมือและรสชาติ ก็ขายได้ 50 บาท
มีคนเข้าแถวซื้อ และ นาน ๆ เจ้าของก็ออกมาทำ (โชว์ตัวซะที)
คุณภาพชีวิต ดีกว่าเยอะเลย
เรียนบัญชี จะให้จบเกรด สาม กว่า ไม่ใช่เรื่องยาก
งานบัญชี เป็นงานทักษะ ไม่ค่อยเกี่ยวกับจินตนาการ หรือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ หีบห่อใหม่ การโฆษณาใหม่
และไม่เกี่ยวกับคน ที่วุ่นวาย
แต่เกี่ยวกับตัวเลข ที่ตรงไปตรงมา
ขอเพียง ขยัน ขยัน และขยัน (สามขยันเลย) ก็ จบได้ที่เกรด สาม กว่า ขอ confirm
และตอนสอบ หากลอกข้อสอบแล้วถูกจับได้ การลงโทษก็คือ F ทุกรายวิชา อีกต่างหาก
ด้วยความขี้เกียจ ทั้งหมดทั้งปวง จึงทำให้สักครั้ง 1 ต้อง ลอกเพื่อนตอนสอบ แล้ว ก็ถูกจับได้ว่าทุจริตในการสอบ เพียงครั้งเดียว ก็ทำให้ อนาคต พังลงมา ทันที
คงไม่มีใครอ่านมาถึงตรงนี้หรอก
แต่ก็ ไม่รู้ว่าทำไม ต้องเขียนยาว ถึงตรงนี้ แม้รู้ว่า ไม่มีใครอ่าน
แต่นี้คือ อนาคตของ ทุกท่าน ทุกท่านที่เป็นสมบัติที่มีค่ายิ่ง ของคุณพ่อ คุณแม่
เห็นหลาย ๆ คนแล้ว น่าเป็นห่วงจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นเทอมที่ 1 ของ ปีที่ 1 แท้ ๆ
แต่ไม่เห็นความมุ่งมั่น ความขยัน ความอดทน ความมานะ เลย .... สอบ lab ก็ขอลา ขอลา
งาน blog ก็ไม่ทำ ไม่ทำ
แสดงความคิดเห็น ก็ไม่พูด นิ่งเงียบ ..........
ไม่มีประโยชน์นะ กับ ment ประมาณว่า
ตอบลบขอบคุณคะ/ครับ
เพราะไม่ได้เขียนให้ขอบคุณ
เห็นด้วยคะ/ครับ
เพราะไม่ได้เขียนเพื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
มันเป็นบทความที่ดีมาก
เพราะไม่ได้เขียนมาเพื่อให้คะแนน
ความคิดเห็น เป็นอะไรที่พิเศษ เป็นเหมือนภาพถ่ายของตัวตนข้างใน เป็นความสวยงาม ไม่ซ้ำใคร
มันอาจเห็นด้วย ก็อธิบายว่าไม่เห็นด้วยอย่างไร
มันอาจเห็นด้วย ก็อธิบายไป
มันอาจเห็นแย้ง มันอาจเห็นเพิ่ม
เมื่อ อ่านแล้ว มันเกิดความรู้ใหม่ ความคิดใหม่
ต่อยอด แตกหน่อ ออกไป ไม่สิ้นสุด ครับ
การที่เราจะเห็นว่าสิ่งที่มีค่าที่สุด ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นได้ผ่านไปแล้ว
ตอบลบถึงแม้จะรู้อะไรสักเพียงไหน ว่าพ่อแม่จะเหนื่อยเพียงใด
ในตอนนี้ทุกคนก็คงแค่รู้สึก สงสาร แต่แค่ความสงสารหรือ อื่นใด
ก็มิได้ทำให้พ่อแม่หายเหนื่อยได้ แต่สิ่งที่พ่อแม่ท่านอยากได้ตอบแทน
การอดทน ความเหนื่อยอ่อน ก็เพียงแค่ต้องการให้พวกเรา
ตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตของตัวเราเอง
แม่ผมเคยพูดว่า แม่เหนื่อยไม่เป็นไร ขอแค่ลูกตั้งใจเรียน ก็พอ
แค่คำพูดนี้ทำให้ผม คิดอะไรได้อีกเยอะ
บทความของผมอาจถูกหรือผิด มันก็เป็นแถวคิดที่ทำให้ผมเรียนต่อ
โดยไม่แคร์ว่าข้างหน้าจะเป็นเช่นใดยากจะหินแค่ไหน ผมต้องผ่าน
ไปให้ได้ และ ต้องผ่านไปอย่างดีที่สุด
น่าจะเป็นครั้งแรกที่พบ นศ ชื่อนี้ เคยถามคุณพ่อ คุณแม่ไหมว่า ชื่อผม แปลว่าอะไร
ลบขอบคุณสำหรับบทความคะ
ตอบลบบทความที่เหมือนเป็นเครืองเตือนใจ
คุณภาพชีวิตของเราสร้างได้ ด้วยตัวเราเอง
ขอบคุณคะ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบที่อาจารย์บอกว่า คงไม่มีใครอ่านมาถึงตรงนี้หรอก แต่ดิฉันอ่านค่ะ
ตอบลบก็อยากจะขยัน ขยัน แล้วก็ขยัน อย่างที่อาจารย์บอกให้ได้มากที่สุด แต่พอขยันจริงๆมันก็เริ่มเหนื่อย เริ่มท้อ คือแบบว่าขยันกับมันแล้ว แต่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม อย่างเช่นสอบเก็บคะแนนในเมื่อเราขยันกับมันแล้ว อ่านหนังสือก็แล้ว ทบทวนบทเรียนก็แล้ว แต่ก็ยังได้คะแนนที่ไม่ดีอย่างที่ใจเราตั้งไว้ บางทีก็อาจจะท้อ ว่าเราไม่สามารถจะทำคะแนนตรงนั้นให้ออกมาดีได้เลยเหรอ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งนะคะอาจารย์ ที่ทำให้รู้สึกท้อ !แต่ก็จะตั้งใจต่อไปค่ะ
คงต้องกลับมาดูวิธี "ขยัน" ของเราแล้วละ ว่าอาจทำไม่ถูกวิธี ทำโดยไม่เข้าใจ
ลบในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีอะไรสู้เจ้า "ขยัน" ได้หรอก
แวะมาคุยกันบ้างก็ได้นะ